เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่เปลี่ยนมาเป็นการซื้อสินค้าผ่านโลกออนไลน์กันมากขึ้น คนทำธุรกิจและร้านค้าทั้งหลายจึงต้องพยายามหาวิธีที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของตนเองเข้าถึงลูกค้ามากที่สุด ช่องทางที่เรียกว่า “eCommerce” หรือเว็บไซต์ eCommerce จึงถือกำเนิดขึ้นและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ตอบโจทย์ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังมีหลายคนเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับเว็บไซต์ประเภทนี้อยู่พอสมควร รวมถึงการมองหาเทคนิคทำเว็บอีคอมเมิร์ซให้ตอบโจทย์กับหลัก SEO ลองศึกษาข้อมูลเหล่านี้กันเลย
ทำความรู้จักกับ (eCommerce) อีคอมเมิร์ซ
eCommerce หรือ Electronic Commerce หากแปลความหมายแบบตรงตัวตามภาษาไทย คือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง รูปแบบการทำธุรกิจ การซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบันต้องยกให้กับการขายของทางอินเตอร์เน็ต เนื่องจากมีความรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย สะดวก ได้รับข้อมูลครบถ้วนทั้งเนื้อหา ภาพ เสียง หรือแม้แต่ภาพเคลื่อนไหว ดังนั้นหากอธิบายแบบเข้าใจง่าย ความหมายของ eCommerce คือ การซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั่นเอง
ประเภทของ eCommerce มีอะไรบ้าง
1. B-to-C (Business to Consumer) คือการซื้อขายออนไลน์ระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก เช่น การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
2. B-to-B (Business to Business) คือการซื้อขายออนไลน์ระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ
3. C-to-C (Consumer to Consumer) คือการซื้อขายออนไลน์ระหว่างผู้บริโภค 2 ฝ่าย หมายถึง บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ทำธุรกิจ แต่นำสินค้าหรือบริการที่ตนเองมีประกาศขายบนโลกออนไลน์และมีผู้ซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ
4. B-to-G (Business to Government) คือการซื้อขายออนไลน์ระหว่างธุรกิจเอกชนกับองค์กรภาครัฐ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
5. G-to-G (Government to Government) คือการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล สิ่งของ ระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันผ่านระบบออนไลน์ โดยมีมูลค่าของสิ่งเหล่านั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง
6. G-to-C (Government to Consumer) คือการติดต่อระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน อธิบายง่าย ๆ คือ ภาครัฐให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การยื่นภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
ประโยชน์ของ eCommerce ต่อการทำธุรกิจ
เมื่อสื่อออนไลน์อย่างอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของทุกคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจึงเกิดขึ้น และเมื่อพูดถึงประโยชน์หรือข้อดีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีต่อการทำธุรกิจก็สามารถสรุปได้ ดังนี้
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนธุรกิจลงได้เยอะมาก
เมื่อคุณมีเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ เว็บ eCommerce ไปจนถึงการฝากขายตามเว็บอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ แล้วเทียบกับการต้องมีหน้าร้าน มีพนักงานขายคอยดูแล การขายสินค้าผ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ eCommerce จะช่วยประหยัดต้นทุนหลัก ๆ จาก 2 เรื่องนี้ลงได้เยอะมาก ผลกำไรย่อมเพิ่มขึ้น และโอกาสเติบโตมีสูง
2. สร้างโอกาสในการขายได้มากกว่าเดิม
โลกออนไลน์ไม่มีเวลาเปิดปิด นั่นหมายถึงหน้าเว็บของคุณก็สามารถขายสินค้าได้ตลอด 24 ชม. สร้างโอกาสเพิ่มยอดขาย รายได้ และผลกำไรให้เป็นตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้
3. วัดผลลัพธ์จากการทำการตลาดได้ง่าย
อีกหนึ่งผลประโยชน์ของ eCommerce คือ เมื่อคุณทำการตลาดย่อมคาดหวังตัวเลขเพื่อนำไปใช้วางแผนและปรับแนวทางธุรกิจของตนเองให้เหมาะกับเทรนด์ ความชอบ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งการตลาดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นตัวเลขจริงที่เกิดขึ้น
ช่องทางการขายของบน eCommerce มีอะไรบ้าง
1. E-Tailer
E-Tailer คือช่องทางที่ธุรกิจจะเป็นผู้สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซขึ้นมาแล้วขายสินค้าของตนเอง ส่วนมากจะเป็นแบรนด์ดัง ๆ มีสินค้าหลายชนิด หรือธุรกิจขายปลีกมีหน้าร้านเดิมแต่ปรับตัวมาทำในลักษณะบริษัทอีคอมเมิร์ซ นำสินค้าในร้านมาขายผ่านออนไลน์ด้วย เมื่อถามว่าเว็บไซต์ eCommerce มีอะไรบ้างในกลุ่มนี้ ให้นึกถึง Supersport, Homepro, ไทวัสดุ, Power Buy, Big C, Lotus, The Mall Group, Central Group. 7-11, Nike, Adidas, Louis Vuitton ฯลฯ
2. Marketplace
Marketplace มีลักษณะเป็นเว็บคนกลางที่เปิดให้ผู้ขายลงทะเบียนแล้วนำสินค้ามาวางขายบนเว็บใน Marketplace คล้ายตลาดนัดออนไลน์ โดยบริษัท eCommerce จะรับผิดชอบเรื่องต้นทุนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเว็บไซต์ ทำการตลาด ฯลฯ ซึ่งตัวอย่างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ประเภท Marketplace ที่คุ้นชื่อกันดี คือ Shoppee, Lazada, Kaidee เป็นต้น
3. Social Commerce
ช่องทางสุดท้ายอย่าง Social Commerce จะเป็นการขายสินค้าผ่านเว็บ Social Media ทั้งหลายซึ่งทุกคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, TikTok, Instagram, X (Twitter), Line ซึ่งตัวผู้ให้บริการเองได้พัฒนาให้มีระบบการชำระเงิน และอื่น ๆ เพื่อสร้างความสะดวกให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
วิธีโปรโมตธุรกิจ eCommerce ผ่านออนไลน์
1. Google Ads (Google AdWords)
Google Ads (Google AdWords) เป็นวิธียอดนิยมในการโปรโมตเว็บไซต์ eCommerce เพื่อให้ตัวเว็บติดอันดับหน้าแรกบน Search Engine อย่าง Google เมื่อมีคนคลิกด้วยคำค้นหา (Keyword) ที่คุณตั้งค่าเอาไว้ บ่อยครั้งผู้ค้นหาก็อาจพบเจอเว็บไซต์ของคุณก่อนคู่แข่งและมีโอกาสคลิกเข้าไปสำรวจ เลือกดูสินค้า และตัดสินใจซื้อในที่สุด
2. SMM (Social Media Marketing)
SMM (Social Media Marketing) คือการโปรโมตเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเองผ่านช่องทาง Social Media ทุกประเภทโดยอาศัยกลยุทธ์หลากหลายวิธี เช่น การซื้อโฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตนเองเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น การแสดงความคิดเห็นตามเพจต่าง ๆ การโพสต์ลงกลุ่ม การทำคลิปวิดีโอ การทำรูปภาพเพื่อให้เกิดไวรัลการแชร์ เป็นต้น
3. Content Marketing
Content Marketing คือการสร้างเนื้อหาด้านการตลาดผ่านเทคนิคที่มีการวางแผนเอาไว้ชัดเจน โดยเฉพาะการทำคอนเทนต์ให้ตรงกับความชอบของกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ แล้วนำเสนอผ่านช่องทางที่คาดว่าคนกลุ่มดังกล่าวจะเข้าถึงได้ง่าย เช่น การทำภาพไวรัลตามกระแสที่กำลังเกิดขึ้นโดยนำข่าวมาสร้างมุกตลกให้คนกดไลค์ กดแชร์ เมื่อไวรัลนี้กระจายออกไปแล้วผู้คนเริ่มมองเห็นเยอะ นั่นจะไม่ใช่แค่การดูภาพตลก ๆ แต่ผู้คนจะอยากรู้ว่าเจ้าของภาพคือใคร ก็จะเกิดการคลิกเข้ามาดูหน้าเพจ การกดติดตามบน Social Media จากนั้นก็ถึงเวลาที่คุณจะได้นำเสนอสินค้าจากเว็บอีคอมเมิร์ซของตนเองได้แบบต่อเนื่องและเห็นผล
4. Influencer Marketing
Influencer Marketing เป็นการให้คนดังมีชื่อเสียงมาช่วยโปรโมตสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ของพวกเขา เช่น การทำคลิปลง Facebook หรือ YouTube การโพสต์บนหน้าแฟนเพจของ Influencer ซึ่งผู้คนเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อผู้ติดตามของเขาจนเกิดความคล้อยตามและสนใจซื้อสินค้าบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือรู้จักตัวตนของธุรกิจคุณมากขึ้น
วิธีโปรโมตเว็บไซต์ eCommerce ด้วยการทำ SEO
เมื่อพูดถึงการทำเว็บไซต์ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม หนึ่งในกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ที่ยังได้รับความนิยมและมีการใช้อย่างต่อเนื่องนั่นคือ การทำ SEO ซึ่งเหตุผลที่วิธีดังกล่าวสำคัญต่อเว็บไซต์ eCommerce เพราะจะช่วยให้เว็บของคุณอยู่บนหน้าแรก ๆ เมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหาด้วย Keyword ที่คุณกำลังประยุกต์ใช้ โอกาสที่เว็บของคุณจะขึ้นในหน้าแรกย่อมมีสูง และผลลัพธ์ที่ตามมาจะช่วยสร้างการรับรู้และอาจเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเหล่าให้กลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้ไม่ยากเลย ซึ่งวิธีโปรโมตเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซด้วยการทำ SEO สามารถทำได้ดังนี้
1. เสริมความแข็งแกร่งให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซด้วย Technical SEO
Technical SEO คือการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ในด้านเทคนิคเพื่อให้สอดรับกับหลักการทาง SEO ไม่ว่าจะเป็นการทำผังเว็บให้เชื่อมต่อกันง่าย พัฒนาความเร็วในการคลิกเข้าถึงแต่ละหน้า เสริมประสิทธิภาพการแสดงผล การใช้ SSL Certificate ฯลฯ เพราะการทำ SEO ไม่ใช่แค่ให้คนคลิกเข้ามาดูแต่ Bot ของ Google จะเป็นตัวจับคุณภาพเว็บไซต์แล้วให้คะแนนว่าเว็บนี้เหมาะกับการถูกดันขึ้นหน้าแรกหรือไม่
2. การทำ On-Page SEO และ Off-Page SEO ให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
การทำ On-Page คือการปรับแต่งหน้าเว็บของตนเองให้ตรงตามหลักการ SEO เช่น มีการใช้คีย์เวิร์ดเหมาะสม เนื้อหากระชับไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป มีรูปภาพ คลิปวิดีโอ และอื่น ๆ ตามความเหมาะสม ส่วนการทำ Off-Page โดยหลักแล้วก็คือการสร้าง Backlink ให้โยงเข้าหาเว็บอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
3. การเขียนบทความเชิง SEO เสาหลักที่ขาดไม่ได้
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การ SEO สำหรับเว็บไซต์ eCommerce ประสบความสำเร็จต้องอาศัย “บทความ” ซึ่งเปรียบดังเสาหลักของการทำ SEO โดยเนื้อหาบทความต้องสดใหม่ อ่านเข้าใจง่าย ข้อมูลถูกต้อง ไม่มีการคัดลอก หรือก็อปปี้ ด้วยเหตุนี้นักเขียนจึงเปรียบได้กับหัวใจที่ไม่ใช่ใครเขียนก็ได้ แต่ต้องมีความรู้และเข้าใจหลักการเขียนบทความ SEO เป็นอย่างดี
4. ความสำคัญของการทำ Link Building
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การนำ Backlink ไปฝากไว้กับเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ จะยิ่งช่วยเพิ่มคะแนนบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณให้ดีขึ้น บางเว็บอาจมีค่าใช้จ่ายแต่หากแลกมาด้วยการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายและการทำอันดับ SEO ที่ดีก็ถือว่าคุ้มค่า
ข้อดีและข้อเสียของ eCommerce ที่ควรรู้เพิ่มเติม
ข้อดีของ eCommerce
สำหรับข้อดีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ eCommerce มีอยู่ด้วยกันหลายด้านทั้งการประหยัดต้นทุนธุรกิจ เพิ่มโอกาสขายได้ตลอด 24 ชม. แบบไม่จำกัดสถานที่ ลูกค้าอยู่ที่ไหนก็สามารถซื้อได้ อีกทั้งยังเห็นตัวเลขสถิติต่าง ๆ ชัดเจนเมื่อทำการตลาด
ข้อเสียของ eCommerce
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็มีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น ความท้าทายในการสร้างความน่าเชื่อถือกับลูกค้า ข้อจำกัดของการไม่สามารถสัมผัสหรือทดลองสินค้าจริง การแข่งขันที่สูงจากผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซจำนวนมาก ตลอดจนความเสี่ยงที่มาจากการถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดี
eCommerce Platform คือ ระบบการซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ซึ่งทำให้การค้าขายสะดวกและเข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้ผู้ค้าและผู้ซื้อสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่นผ่านโลกดิจิทัล
หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาการสร้างหรือปรับปรุงเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือต้องการทำการตลาดออนไลน์ในทุกๆ ด้าน Asia Media Studio คือเอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบกราฟิกและการสร้างแบรนด์ดิจิทัล ให้บริการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์อย่างมืออาชีพ รวมทั้งงานสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณไปถึงเป้าหมายและประสบความสำเร็จ เราคือเอเจนซี่ที่มีความสามารถในการผสานรวมความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีอย่างลงตัว เพื่อสร้างผลงานที่ตอบโจทย์และส่งเสริมให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล ติดต่อเราวันนี้เพื่อให้เราช่วยสร้างและปรับปรุงเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ พร้อมทั้งทำ SEO ให้กับธุรกิจของคุณ